งัดหมัดเด็ด เพื่อนสาว 17 แฉแหลก เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้ว เรียกค่าเสียหายอ่วม สมรักษ์ ไม่ใช่รายแรก

6961

สืบเนื่องจากกรณีหญิงสาว 17 ปี เข้าแจ้งความปมพรากผู้เยาว์ หลังจากเข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จังหวัดขอนแก่น ได้พบกับ สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิก เจ้าของฉายา ไม่ได้โม้ โดยกล่าวหา สมรักษ์ ว่า หลังสถานบันเทิงปิดเวลาประมาณ 03.00 น. ถูกกระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศในโรงแรมแห่งหนึ่ง

และล่าสุดวันที่ 14 ธ.ค.66 นางสาวแวว และนางสาวเปิ้ล อายุ 18 ปีเพื่อนของผู้เสียหายสาววัย 17 ปี ที่อยู่ในเหตุการณ์ในภาพกล้องวงจรปิดหน้าร้าน เปิดใจว่า วันเกิดเหตุตนเจอมิ้น (ผู้เสียหายอายุ 17 ปี) เป็นครั้งแรก เพราะมิ้นเป็นเพื่อนของเพื่อนของตนอีกทีนึง เป็นการเจอกันครั้งแรก

ซึ่งครั้งแรกที่เจอกันมิ้นก็ดูเป็นคนเงียบ ๆ จนพออยู่ในร้านตนกับเพื่อนก็เต้นสนุกกันอยู่ที่โต๊ะ แต่มิ้นนั้นไม่ได้เต้นด้วย เพราะก่อนหน้านี้ตนก็ได้ชวนมิ้นเต้นไปแล้ว ตนจึงไม่สนใจอะไรเพราะไม่ได้สนิทกันมากอยู่แล้ว แต่ระหว่างที่ตนไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมา ตนเห็นมิ้นอยู่ที่โต๊ะของสมรักษ์ โดยมีการนั่งข้างกัน และโอบเอวอยู่ตลอด

ตนจึงเข้าไปถามว่าทำไมมาอยู่ตรงนี้ แต่มิ้นก็ไม่ได้ตอบอะไร ตนจึงชวนมิ้นกลับโต๊ะ ปรากฏว่ามิ้นไม่กลับและเลือกที่จะอยู่ต่อ ตนจึงปล่อยไป จนมาถึงจังหวะที่พวกตนจะกลับกัน แต่มิ้นเลือกที่จะเดินไปหาสมรักษ์ที่รถจักรยานยนต์ ตนจึงตะโกนถามว่า จะไปกับสมรักษ์หรอ ให้คิดดี ๆ นะ แต่มิ้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

และเพื่อนผู้ชายของตนก็ได้ชวนมิ้นเพื่อที่จะอาสาไปส่งที่บ้านด้วย แต่มิ้นกลับชักสีหน้าอารมณ์เสียใส่ จนตนและเพื่อนทุกคนงงกันหมด ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้ทิ้ง และไม่ได้บังคับให้มาด้วยตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม พอเกิดเรื่องขึ้น ตนสงสารสมรักษ์มาก

เพราะมิ้นเต็มใจไปกับสมรักษ์เอง ไม่อย่างั้นจะขึ้นรถไปด้วยกันที่ห้องทำไมตั้งแต่แรกเพราะการที่มิ้นไปแบบนี้ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ามันจะไปจบที่โรงแรมยังไง แต่มิ้นกลับมาโทษสมรักษ์ว่าถูกข่มขืน ตนอยากถามมิ้นว่า และทำไมไม่ออกมาพูดความจริง

เพราะตนถูกเอารูปตนไปแชร์ให้เสียหาย และยังโดนสังคมต่อว่าอย่างหนัก และตนยังมองว่าคนที่เสียหายเป็นสมรักษ์มากกว่า ตอนนี้ไม่อยากคบและไม่อยากเป็นเพื่อนอีกต่อไปแล้ว รวมทั้งไม่น่าเป็นเพื่อนด้วยกันตั้งแต่แรกเลย

นอกจากนี้ รุ่นน้องตนบอกว่ามิ้นเคยทำลักษณะนี้มาหลายครั้งแล้ว เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ตนก็ไม่รู้ว่ามีคนยอมจ่ายไปหรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นข่าว