เริ่มพฤษภาคม 67 เปิดเงื่อนไข แจกเงิน 3,000 บาท ให้ลูกหลานที่ดูแลผู้สูงอายุ

1857

“จะได้รับครอบครัวละ 2,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นและเหมาะสม จะมีการพิจารณาให้เงินช่วยเหลือไม่เกินครอบครัวละ 3,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน โครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม 2567 โดยมีงบประมาณรองรับทั้งสิ้น 1,100 ราย”

จากกรณี ราชกิจจานุเบกษา ประกาศเรื่องระเบียบกรมกิจการผู้สูงอายุ ว่าด้วยการคุ้มครองผู้สูงอายุแบบครอบครัวอุปถัมภ์ พ.ศ. 2566 กรมกิจการผู้สูงอายุ มีภารกิจเกี่ยวกับการคุ้มครองการส่งเสริมและการสนับสนุนผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุและการสร้างความเสมอภาคและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตามนโยบายรัฐบาล

อีกทั้งเพื่อตอบสนองผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่มีความต้องการอยู่กับครอบครัวชุมชนและสังคม สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันที่ท้าให้เกิดปัญหาครอบครัวไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้สูงอายุให้มีความปลอดภัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ด้วยการสนับสนุนให้ครอบครัว ชุมชน ดูแลผู้สูงอายุ และทำให้ผู้สูงอายุได้อยู่ร่วมกับครอบครัว ชุมชน และสังคม ตลอดจนเพื่อให้มีระเบียบในการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534

ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 ประกอบกับข้อ 2 แห่งประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดหน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546

โดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ จึงวางระเบียบไว้ การคุ้มครองตามระเบียบนี้ ผู้สูงอายุต้องยินยอมเป็นหนังสือตามแบบที่อธิบดีกำหนด กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถให้การยินยอมได้ ให้นักสังคมสงเคราะห์เป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริง และเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ

เงื่อนไขการขอคุ้มครอง การขอคุ้มครองสามารถขอได้เพียงคราวละ 1 คน หากจะรับมากกว่านั้น ให้ระบุเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องรับผู้สูงอายุไว้คุ้มครองดูแลมากกว่า 1 คน

คุณสมบัติการขอเป็นครอบครัวอุปถัมป์ มีดังนี้

1 มีสัญชาติไทย

2 มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ หรือถ้ามีอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่มีความพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุ อาจได้รับการอนุมัติเป็นราย ๆ ไป

3 มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกับผู้สูงอายุ

4 ได้รับความยินยอมจากสมาชิกทุกคนในครอบครัวว่า มีความพร้อมในการคุ้มครองผู้สูงอายยุ

5 ไม่เป็นผู้ต้องหากระทำผิดอาญา และอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล

สถานที่การยื่นขอเป็นครอบครัวอุปถัมป์

1 กรุงเทพฯ ให้ยื่นที่กรมกิจการผู้สูงอายุหรือศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค หรือหน่วยงานที่อธิบดีประกาศกำหนด

2 จังหวัดอื่น ยื่นคำขอได้ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุที่อยู่ในจังหวัดนั้น

เอกสารที่ใช้ของผู้ยื่นครอบครัวอุปถัมป์

1 ทะเบียนบ้าน

2 บัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวที่มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน

3 รูปถ่ายหน้าตรง ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน

หลังจากนั้นจะมีนักสังคมสงเคราะห์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายไปเยี่ยมบ้านของผู้ยื่นคำขอและผู้สูงอายุ เพื่อตวรจสอบข้อเท็จจริงนำเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคุณสมบัติต่อไป

จำนวนเงินที่ได้รับการคุ้มครอง

จะได้รับครอบครัวละ 2,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นและเหมาะสม จะมีการพิจารณาให้เงินช่วยเหลือไม่เกินครอบครัวละ 3,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน เว็บไซต์กรมกิจการผู้สูงอายุ รายงานว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม 2567 โดยมีงบประมาณรองรับทั้งสิ้น 1,100 ราย