ไม่รอลงอาญา ศาลอาญาฯสั่งจำคุก บุ้งทะลุวัง ออกหมายจับ หยก

1804

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 ม.ค. 2567 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลของ บุ้ง เนติพร (สงวนนามสกุล) หรือ บุ้งทะลุวัง จากกรณีที่เดินทางไป ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจ โฟล์ค สหรัฐ สุขคำหล้า ที่ถูกพิพากษาจำคุกในคดีมาตรา 112 เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยปรากฎว่า

ในวันดังกล่าว บุ้ง เนติพร (สงวนนามสกุล) ได้มีเหตุกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล เป็นเหตุให้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลของศาลอาญากรุงเทพใต้ทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ดิ้ว หรือกระบองเหล็กยืดหด ตีเข้าที่บริเวณข้อศอกจนเกิดอาการบาดเจ็บ แพทย์ต้องทำการรักษาและเย็บ 4 เข็ม ทราบต่อมาจากสำนวนคดีว่า

เดิมคดีนี้มีเพียง บุ้งเป็นผู้ถูกกล่าวหารายเดียว แต่ต่อมาศาลได้มีคำสั่งรวมสำนวนคดีละเมิดอำนาจศาลอีกคดีเข้ามาด้วย เนื่องจากเป็นคดีจากเหตุการณ์เดียวกันและมีความเกี่ยวพันกัน โดยผู้ถูกกล่าวหาในคดีหลัง ซึ่งถือเป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ทราบภายหลังว่าคือ หยก เยาวชนอายุ 15 ปี

ซึ่งในวันนัดไต่สวนนี้หยกไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงบุ้งที่มาเข้าร่วมการพิจารณาคดี และได้เข้าเบิกความเล่าเรื่องในฝ่ายของตนในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ในทางการไต่สวนเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลและ รปภ.ของศาล รวมทั้งบุ้ง ได้ความว่า

หยกเข้าไปยืนเกาะกำแพงเพื่อพยายามพูดคุยกับโฟล์ค อดีตสามเณร เพื่อพูดคุยสอบถามว่าโฟล์คต้องการรับประทานอาหารอะไรในระหว่างรอฟังคำสั่งประกันตัวหรือไม่ และสอบถามเรื่องรายชื่อที่เขาต้องการให้เข้าเยี่ยมในเรือนจำ ในกรณีที่เขาอาจไม่ได้รับการประกันตัว โดยที่ขณะนั้นบุ้งยืนเกาะกำแพงอยู่ด้านนอกศาลฝั่งซอยเจริญกรุง 63

และต่อมาตำรวจศาลได้ใช้มือผลักดันไปที่ร่างกายของหยก โดยมีเจตนาจะให้หยกออกจากบริเวณนั้น ซึ่งบุ้งได้ร้องตะโกนให้เลิกจับหยก เพราะเห็นว่าการจับที่ช้อนขึ้นในลักษณะดังกล่าวอาจถูกเข้าที่หน้าอกของหยก เหตุดังกล่าวทำให้มีการทะเลาะวิวาทระหว่างบุ้งและตำรวจศาลคนดังกล่าว ที่บริเวณหน้าทางออกของศาลอาญากรุงเทพใต้

ซึ่งตำรวจศาล รปภ. และบุ้ง เบิกความให้การตรงกันว่า บุ้งได้ตะโกนถามชื่อของตำรวจศาลคนที่ทำการจับหยก และถามว่า แตะทำไม และ จับหน้าอกเด็กทำไม ซึ่งเหตุกระทบกระทั่งกันดังกล่าว ในท้ายที่สุดแล้วทำให้ตำรวจศาลผลักเข้าที่เหนืออกบริเวณไหล่ซ้ายของบุ้ง 2 ครั้ง

ปรากฏตามภาพวิดิโอกล้องวงจรปิดของงานเก็บสำนวนดำของศาลอาญากรุงเทพใต้ และต่อมาบุ้งได้พยายามยืดขาเตะเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวแต่ปรากฏว่าเตะไม่ถึง และเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลคนดังกล่าวได้หยิบกระบองยืดหดหรือดิ้วเหล็กประจำตัวขึ้นมา และใช้ตีเข้าที่บริเวณแขนซ้ายของบุ้งจนมีเลือดไหล

ในวันดังกล่าวศาลได้เรียกไต่สวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่บุ้งไม่สามารถขึ้นไปพบผู้พิพากษาได้ในทันที เนื่องจากต้องการไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผลที่แขนก่อน ซึ่งต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้กำหนดนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลในวันที่ 22 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมานี้

ภายหลังเสร็จสิ้นการไต่สวน ศาลได้นัดหมายฟังคำสั่งในวันที่ 26 ม.ค. 2567 เวลา 10.00 น. ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่บุ้งและตะวันต้องมาฟังคำสั่งต่อคำร้องขอถอนประกันของพนักงานสอบสวน ในคดีมาตรา 112 กรณีทำโพลขบวนเสด็จที่ห้างสยามพารากอนเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565

โดยพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลถอนประกัน โดยอ้างเหตุว่าการที่ทั้งสองคนเข้าร่วมการรวมตัวแสดงออกหน้ากระทรวงวัฒนธรรมเพื่อเรียกร้องให้ถอดเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สว. ออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2566 นั้น

เป็นสิ่งที่ผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัวของทั้งสองคน จึงเท่ากับว่าบุ้งจะต้องเข้าฟังคำสั่งศาลรวม 2 คดี ในวันเดียวกัน โดยต้องจับตาต่อไปว่า บุ้งจะถูกถอนประกันหรือไม่ และในคดีละเมิดอำนาจศาลกรณีนี้ ศาลจะมีคำสั่งอย่างไร

ข้อมูล ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน