ศาลฯสั่งจำคุก อัจฉริยะ คดีหมิ่น ทนายเดชา ในรายการโหนกระแส

63

โดยทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ โพสต์ข้อความผ่านเพจ ทนายคลายทุกข์ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ระบุว่า

ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิพากษาจำคุก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เป็นเวลา 8 เดือน รอการลงโทษ 2 ปี และให้โฆษณาและชำระค่าเสียหาย กรณีกล่าวหาทนายเดชา แย่งคดีแตงโม จากทนายกฤษณะ ในรายการโหนกระแส คดีหมายเลขดำที่ อ.775/2565 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่าง นายเดชา โจทก์ กับ นายอัจฉริยะ จำเลย ศาลพิพากษาดังนี้

1 ในประเด็นแรก โจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในขณะนั้นจำเลยได้เข้าร่วมรายการโหนกระแส และทางนักข่าวได้โฟนอินไปยังโจทก์ ให้เข้าร่วมรายการ โดยในขณะนั้นโจทก์กำลังตอบคำถามของพิธีกรรายการดังกล่าวในทำนองว่า หากใครเผยแพร่รูปศพของแตงโม หรือรายละเอียดในสำนวนคดีมาเปิดเผย จะถูกดำเนินคดี

ในขณะนั้น จำเลยได้กล่าวถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงว่า คุณอย่าลืมนะ คุณไปแย่งคดีเค้านะ คุณไปแย่งคดีกฤษณะนะ ตอนที่ศพเค้าเผยแพร่นะครับ คุณเป็นแค่คนมาแย่งคดีกฤษณะไปทำนะครับ โอ้ คุณไม่แย่งได้ไง โดยมารยาทเค้าไม่ทำกันหรอกในวงการทนาย

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในขณะนั้นโจทก์กำลังตอบคำถามพิธีกรรายการเกี่ยวกับเรื่องคดีของแตงโมอยู่อีกประเด็นหนึ่ง และจำเลยได้กล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์ โดยที่เนื้อหาประเด็นในการกล่าวถ้อยคำนั้น เป็นคนละประเด็น คนละเรื่องกับโจทก์ ดังนั้นจึงถือได้ว่าในขณะนั้นโจทก์และจำเลยไม่ได้มีการโต้เถียงกันตามที่จำเลยนำสืบ

2 ประเด็นต่อมา การกระทำของจำเลยเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ได้มีเอกสารการแสดงความคิดเห็นของบุคคลทั่วไปที่เข้ารับชมรายการโหนกระแสดังกล่าว ในขณะที่จำเลยได้มีการหมิ่นประมาทโจทก์มายืนยัน จำนวนหลายรายการ ว่า บุคคลทั่วไปที่ได้รับชมรายการดังกล่าว เมื่อได้ยินถ้อยคำหมิ่นประมาทของจำเลยแล้ว จะเข้าใจว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี ไปแย่งคดีของบุคคลอื่นมาทำ

ประกอบกับจำเลยได้กล่าวยืนยันข้อเท็จจริงในขณะออกรายการว่า โอ้ไม่แย่งได้ไงโดยมารยาทเค้าไม่ทำกันหรอกในวงการทนาย ถ้อยคำดังกล่าวยิ่งทำให้บุคคลทั่วไปที่รับชมรายการดังกล่าวยิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่จำเลยพูดนั้นเป็นความจริง การกระทำของจำเลยจึงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม

3 ในส่วนของค่าเสียหายที่โจทก์เรียกมาในส่วนแพ่งจำนวน 300,000 บาท พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ไม่ได้มีเอกสารนำสื่อประกอบว่าตัวโจทก์ได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด แต่โจทก์ได้เบิกความยืนยันข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้รับความเสียหายหลังจากที่จำเลยทำการหมิ่นประมาทโจทก์

ทำให้บุคคลทั่วไปว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ไม่มีใครกล้าว่าจ้างโจทก์ ประกอบกับจำนวนยอดผู้ชมในขณะที่จำเลยทำการหมิ่นประมาทโจทก์นั้นมียอดผู้ชมอยู่ที่ 3.2 ล้านคน ศาลจึงเห็นว่าโจทก์ได้รับความเสียหายในวงกว้าง

ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายในส่วนแพ่งให้แก่โจทก์จำนวน 100,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสามต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ พิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 จำคุก 1 ปี ปรับ 90,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุก 8 เดือน ปรับ 60,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา จำนวน 2 ปี

ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อ ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หรือข่าวสด เป็นระยะเวลา 3 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนแพ่งให้เป็นพับ ส่วนคำขออื่นให้ยก