เอาแล้ว บิ๊กโจ๊ก เล็งยึดทรัพย์ กำนันนก ล้างบางประมูล ร่ำรวยแบบก้าวกระโดด

89

มีรายงานความคืบหน้า 10 กันยายน 66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยคดียิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต ที่มี กำนันนก นายประวีณ จันทร์คล้าย กำนันตำบลตาก้อง จ.นครปฐม เป็นผู้ต้องหา ร่วมกับตำรวจอีก 6 นาย ที่ตกเป็นผู้ต้องหา เนื่องจากให้การช่วยเหลือ กำนันนก และ หน่องท่าผา มือปืนที่ถูกวิสามัญ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า

ขณะนี้กำลังสอบขยายผลเพิ่มเติม ทั้งการทุจริตต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งการฮั้วประมูล การได้งานประมูลภาครัฐต่าง ๆ หากพบความเชื่อมโยงกับใคร และใครเป็นผู้กระทำความผิด ก็จะออกหมายเรียก และหมายจับต่อไป โดยในช่วงเย็นวันนี้จะเดินทางไปประชุมความคืบหน้าของคดีที่ สภ.เมืองนครปฐม

ส่วนการอายัดทรัพย์สินของ กำนันนก ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากยังไม่เข้าข่ายความผิด แต่ขณะนี้ได้รับเอกสาร พยานหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว และจะมีการตรวจสอบเรื่องการฮั้วประมูล ซึ่งหากพบเข้าข่าย ความผิดฐานฟอกเงิน ก็จะเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ต่อไป

ส่วนการสอบปากคำ กำนันนก นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า กำนันนก ยังให้การภาคเสธว่า ตนไม่ได้ให้ หน่อง ท่าผา ยิงสารวัตรแบงค์ แต่นายหน่อง ได้เป็นคนยิงจริง พร้อมย้ำว่า คดีนี้ กำนันนก ดิ้นไม่หลุดแน่นอน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า เหตุการณ์นี้จะต้องมีตำรวจ รับผิดชอบด้วยอย่างแน่นอน

เพราะหากพบว่า มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การไม่รักษาที่เกิดเหตุ และทำลายวัตถุพยาน จะต้องดำเนินคดี ซึ่งในตำรวจจะมี 2 – 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เมื่อเกิดเหตุแล้ววิ่งหนี ไม่ควบคุมสถานการณ์ ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้ออกหมายจับแล้วบางส่วน กลุ่มที่ 2 คือร่วมทำลายพยานหลักฐาน และพา กำนันนก หลบหนี

กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่พาสารวัตรแบงค์ หรือ คนบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมก่อน และมั่นใจว่า หลังจากนี้ ความชัดเจนต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ มีการสอบสวนกันตลอดทั้งวัน และจากการสอบปากคำพยาน และผู้ต้องสงสัย ทั้งหมดให้ข้อมูล และรับสารภาพไปในทิศทางเดียวกัน

ซึ่งเรื่องนี้มีการให้การตรงอยู่แล้วว่า กำนันนก เป็นคนสั่งการ ส่วนความคืบหน้า ในการกู้ข้อมูลจาก เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดนั้น จะต้องใช้เวลา 3-4 วัน ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ที่เปียกน้ำ ตอนนี้แห้งแล้ว มั่นใจว่า จะสามารถกู้ข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่สังคม มีความกังวลต่อคดีนี้ ที่เกี่ยวข้องกับนายตำรวจ ระดับผู้บังคับบัญชา จนอาจทำให้เป็นอุปสรรค ต่อการดำเนินคดีว่า คดีดังกล่าวไม่ซับซ้อน หากเปรียบเทียบกับคดีของ แอม ไซยาไนด์ และตำรวจส่วนใหญ่อยู่ในภาค 7 และตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจทางหลวง รวมถึงพยานหลักฐานในคดีนี้นิ่ง

หากไล่เรียงเส้นทางการเงิน ตรวจสอบภาพหลักฐาน จากกล้องวงจรปิดต่าง ๆ ก็จะเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่า ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ถึงจะสมบูรณ์ ส่วนคดีนี้จะเชื่อมโยง ไปถึงประเด็น ส่วยสติ๊กเกอร์ ด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า จะต้องสอบทั้งหมด ทั้งส่วย และฮั้วประมูล

แต่ประเด็นหลักไม่ใช่เรื่องส่วย แต่เป็นการขอโยกย้ายตำรวจ แล้วไม่ให้ตำแหน่ง จึงสั่งยิง

ซึ่งเป็นการกระทำที่เหิมเกริม อยู่ในพื้นที่มานาน ผูกพันกับตำรวจในพื้นที่ จนกระทั่งเหิมเกริม เพราะฉะนั้น จะก็ต้องมีการล้างบาง และหากเชื่อมโยงถึงใคร ก็จะต้องดำเนินคดีหมด นายกฯ สั่ง บิ๊กโจ๊ก ล้างบางฮั้วประมูล ต้นตอ กำนันนก รวยก้าวกระโดด

มีรายงานว่า สำหรับการขยายผล เรื่องการตรวจสอบ การทุจริตต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งการฮั้วประมูล การได้งานประมูลภาครัฐต่าง ๆ นั้น วันนี้ (10 ก.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก

และได้มีการมอบนโยบาย การปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยได้เน้นย้ำให้ตำรวจ จะต้องปราบปรามให้ถึงที่สุด แก้ไขปัญหาการฮั้วประมูล โดยนายกฯ ได้ตั้งข้อสงสัย เหตุใด กำนันนก ในวัย 35 ปี จึงมีฐานะร่ำรวย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี และยังมีตำรวจใกล้ชิด ล้อมหน้าล้อมหลัง

พร้อมมอบแนวทางให้ตำรวจ ไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนกลับมามีความเชื่อมั่นในตำรวจ และตำรวจจะต้องไม่เป็นไม้ค้ำยัน ของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ทำให้ตำรวจอยู่กับประชาชน ไม่ใช่อยู่กับผู้มีอิทธิพล

โดยคดี กำนันนก นั้น ทางนายกรัฐมนตรี ยังมีความห่วงใย ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอให้มีการขยายผล หาตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และหาแนวทางให้สามารถขยายผลไปจนถึงต้นตอ และแก้ปัญหาการทุจริตในพื้นที่