แม่ค้าสาวสุดช้ำ ถูกตร.ปลอมยศ พ.ต.ต. ลวงให้รัก สุดท้ายท้องไม่รับผิดชอบ

79

ที่จังหวัดนครสวรรค์ แม่ค้าสาว น.ส.โอ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ร้องเรียนว่าถูกนายตำรวจ วัย 27 ปี ยศ ส.ต.ต. สังกัดกองกำกับอารักขาที่ 1 หลอกลวงว่าเป็นตำรวจระดับสารวัตร เข้ามาทำความรู้จักตีสนิท จนหลงเชื่อตกลงใจปลงใจคบหากันเป็นคู่ชีวิต และกำลังจะมีลูกด้วยกันในเร็วๆ นี้ อีกทั้งในระหว่างที่คบหาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน นายตำรวจจอมหลอกลวงนายนี้ ยังมีพฤติกรรมแมงดา แทนที่จะเลี้ยงดูฝ่ายหญิงสาวให้ได้รับความสุขสบาย แต่กลับกลายเป็นคนสูบเลือด ขอเงินฝ่ายหญิงมาใช้ปรนเปรอให้กับชีวิตของตัวเอง จนฝ่ายหญิงสูญเงินไปเกือบแสน

ต่อมา น.ส.โอ ได้มีการตรวจสอบประวัติและข้อมูลของนายตำรวจจอมปลอม จนทราบความจริงที่ทำให้รู้ว่า ที่ผ่านมาตนเองโดนหลอกมาโดยตลอด เนื่องจากประวัติพบว่า คนที่เธอรักและใช้ชีวิตอยู่ด้วยนั้น เป็นแค่นายตำรวจยศนายสิบ ไม่ใช่เป็นตำรวจ พ.ต.ต. ระดับนายสารวัตรแต่อย่างใด

หลังจากรู้ความจริง น.ส.โอ จึงได้รวบรวมหลักฐานรูปถ่าย ทั้งภาพบัตรปลอมแปลงเป็นข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.ต. รวมถึงชุดเครื่องแต่งกายติดยศนายตำรวจระดับสารวัตร และหลักฐานสลิปการโอนให้กับตำรวจจอมหลอกลวงไว้ใช้จ่าย รวมเป็นเงินกว่า 80,000 บาท ไปร้องเรียนถึงพฤติกรรมกับต้นสังกัดของนายสิบตำรวจ จนมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และทางผู้บังคับบัญชาสังกัดได้มีการลงโทษทางวินัยให้ธำรงวินัยไปแล้ว

แต่ทางด้าน น.ส.โอ กลับมองว่า การกระทำของตำรวจรายนี้เข้าข่ายเป็นภัยสังคม และมีผู้เสียหายอื่นๆ เข้ามาเปิดเผยและให้ข้อมูลถึงนายตำรวจรายนี้ ว่ายังมีการไปหลอกลวงคนอื่นๆ อีก โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ มีผู้เสียหายรายหนึ่งเป็นชาว จ.เพชรบูรณ์ ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน และสูญเสียเงินไปกว่า 1 ล้านบาท จึงเกรงว่าจะมีผู้หญิงอีกหลายรายมาหลงกลตกเป็นเหยื่ออีก จึงได้ตัดสินใจนำเรื่องมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ให้ช่วยตีแผ่ความจริงในการเปิดเผยวีรกรรมของตำรวจจอมหลอกลวงรายนี้ให้สังคมไทยได้รู้

ซึ่งน.ส.โอ ได้เล่าของเรื่องราวว่า จุดเริ่มต้น มาจากตนแม่ค้าขายของ และจะตระเวนนำของไปขายตามตลาดนัดต่างๆ ในเขตเมืองนครสวรรค์ จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้ไปเจอกับ นายชิ (นายสิบตำรวจ) เดินทำทีเข้ามาพูดคุย บอกว่างเป็นตำรวจสารวัตรมาดักซุ่มจับคนร้ายค้ายาเสพติด ซึ่งในวันนั้น นายชิ ได้มีการขอไลน์ไปด้วย และผ่านไปได้ประมาณ 1 เดือน นายชิก็ทักไลน์พูดคุยด้วยทุกวันนานหลายเดือน จนเกิดความสนิทสนมตกลงคบหาเป็นสามีภรรยามานานกว่า 9 เดือน

จนกระทั่งขณะนี้ ตนท้องได้ 4 เดือนกว่าแล้ว แต่ตอนแรก แทนที่นายชิจะดีใจที่ตนท้อง กลับบอกให้ตนไปทำแท้งซะอย่างนั้น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนเสียใจมาก อีกทั้ง ยังสงสัยในหลายๆ พฤติกรรมของนายชิด้วย เพราะที่ผ่านมาสามีเป็นตำรวจระดับยศสารวัตร น่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยแบบไม่ลำบาก เพราะต่างคนก็มีงานทำเป็นของตนเอง แต่กลับกลายเป็นว่าตนต้องส่งเงินให้เขาใช้จ่ายอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทางไปทำงาน หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ เขาก็มักจะมาขออยู่เรื่อยๆ จนถึงขนาดตนต้องยอมเป็นหนี้ เอารถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ถึงสองคัน เพื่อหาเงินมาให้นายชิใช้

ซึ่งในช่วงที่คบหาดูใจกันตอนแรกๆ นายชิก็จะมาหาพาตนเองไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยตลอด โดยอ้างว่าจ้างให้ตำรวจนายอื่นๆ มาเข้าเวรแทน จึงไม่ต้องไปทำงานได้

” ที่หนูตกลงปลงใจคบหากับเขา เพราะคุยกับเขาแล้วสัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนอัธยาศัยดี เป็นคนธรรมะธรรมโม เอาใจเก่ง อีกทั้ง หน้าที่การงานเขายังเป็นข้าราชการระดับตำรวจสารวัตรด้วย จึงคบหาอยู่กินกันแบบผัวเมียที่ยังไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งแรกๆ เขาก็เอาใจเก่ง คอยมาหาพาหนูไปเที่ยวอยู่ตลอด แต่มาระยะหลัง เริ่มเจอกันเพียง 1 เดือน จะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน 1 อาทิตย์ จนกระทั่ง หนูตรวจพบว่าหนูท้อง หนูก็บอกเขา กลับถูกบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ ไม่ยอมไปพูดคุยบอกกับพ่อแม่ของเขา หนำซ้ำยังจะเอาเงินมาฟาดหนู 50,000 บาท ให้หนูไปทำแท้งด้วย จึงได้เห็นธาตุแท้ทันที “

น.ส.โอ เล่าต่อว่า หลังจากที่ถูกนายชิยัดเยียดให้ไปทำแท้ง ตนก็เกิดความสงสัย จึงได้ถ่ายภาพหลักฐานต่างๆ ของนายชิ นำไปให้เพื่อนไปตรวจสอบ ก็ทราบความจริงว่า เป็นแค่นายตำรวจระดับนายสิบ ไม่ใช่สารวัตรอย่างที่เคยบอกไว้ ซึ่งนอกจากจะเสียใจ ที่เขาไม่รับผิดชอบความเป็นพ่อเด็กแล้ว ยังมารู้ว่าถูกลวงหลอกเรื่องนี้อีก ทำให้ตนรู้สึกเสียใจเกินจะบรรยาย

จึงได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะเป็นข้อความคุยกันทางไลน์ สลิปการโอนเงินให้ใช้ รวมถึง ภาพถ่ายบัตรข้าราชการตำรวจที่ถูกปลอมแปลงยศให้ตัวเองเป็นสารวัตร และภาพชุดเครื่องแต่งกายไปร้องเรียนยังต้นสังกัดของนายชิ เพื่อให้มีการลงโทษ

โดยหวังให้นายชิออกจากราชการ เนื่องจากมีพฤติกรรมที่หลอกลวง ถือเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อวงการตำรวจ แต่สุดท้าย ทางต้นสังกัดของนายชิ ก็ลงโทษแค่ธำรงวินัย สั่งขัง เพียงไม่กี่วัน พร้อมกับเสนอแนะให้รับเงินชดใช้ค่าเสียหายเพื่อให้จบเรื่องนี้ ซึ่งตนยอมรับไม่ได้ จึงได้มาร้องเรียนกับสื่อมวลชน ยืนยันว่า จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ให้นายชิต้องออกจากราชการตำรวจไปเลย และต้องมาชดใช้หนี้สิน และเรื่องลูกในท้องด้วย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนายชิถูกธำรงวินัย ได้มีการติดต่อมาพูดคุยหรือไม่ น.ส.โอ ระบุว่า ล่าสุดได้มีการพูดคุย เพื่อทวงถามความรับผิดชอบเรื่องตนตั้งท้อง ซึ่งขณะนี้ ลูกในท้องเริ่มโตได้ 4 เดือนแล้ว และตนไม่ยอมรับเงินเพื่อไปทำแท้งอย่างเด็ดขาด แต่ก็ถูกเขาตอบกลับมาว่า จะเอาอะไรกับเขาอีก แค่ไปร้องเรียนจนเขาถูกธำรงวินัย โดยขังไปหลายวันจนจับไข้เข้าโรงพยาบาลยังไม่พอใจอีกหรือ

ซึ่งตนก็สุดเหลืออดกับนายชิคนนี้ จึงได้นำเรื่องมาเปิดเผยผ่านสื่อ พร้อมกับแฉเรื่องราวทั้งหมด จนกระทั่งเริ่มมีเหยื่อรายอื่นๆ ที่เคยถูกนายชิหลอกลวงเช่นกัน นำเรื่องมาเผยให้รู้เห็นวีรกรรมแสบของนายชิ ที่มักแอบอ้างเป็นสารวัตรไปเที่ยวจีบหญิงสาว แล้วไปลวงขอเงินเขาใช้

อย่างล่าสุด ก็มีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมอยู่ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ เผยถึงพฤติกรรมหลอกลวง จนถึงขั้นเคยเสียเงินให้กับนายชิคนนี้ไปมากกว่า 1 ล้านบาทเลยทีเดียว ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของ ส.ต.ต.ชิ เพื่อสอบถามข้อมูลความจริงอีกด้าน

ซึ่งทราบข้อมูลว่า เจ้าตัวเป็นคน จ.นครสวรรค์ และมีบ้านพักอยู่ในพื้นที่ ต.วัดไทร อ.เมืองนครสวรรค์ พบว่าเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการบ้านจัดสรรชื่อดัง แต่กลับไม่พบว่ามีใครอยู่ภายในบ้าน เมื่อสอบถามกับบรรดาเพื่อนบ้านต่างไม่ยอมเผยข้อมูล จึงทราบแต่เพียงว่า ส.ต.ต.ชิ ได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้ว

จากนั้น เวลา 11.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 น.ส.โอ ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อแจ้งความเอาผิดนายสิบตำรวจจอมหลอกลวงนายนี้ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ใช้ยศตำแหน่งหลอกให้หลงเชื่อ จนตกหลุมพรางทำให้เสียทรัพย์ โดยมี พ.ต.ท.กันตินันท์ รุ่งฉัตร รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ รับเรื่องร้องทุกข์

เสร็จแล้ว น.ส.โอ จึงเดินทางไปร้องเรียนกับ พล.ต.ต.ชาญวิทย์ กนกนาก ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ มีการพูดคุยกันกว่า 30 นาที ก่อนจะออกมาเผยกับสื่อมวลชนว่า เรื่องที่ตนเองตั้งครรภ์กับ ส.ต.ต.ชิ นั้น ตนได้ไปเอาลูกออกจากท้องแล้ว หลังจากที่ ส.ต.ต.ชิ ได้ให้เงินจำนวน 50,000 บาทไปทำแท้ง

โดยที่ตนยอมรับเงินนั้น เนื่องจากมองไม่เห็นทางอนาคต เพราะ ส.ต.ต.ชิ บอกกับตนว่าไม่รับจะรับผิดชอบเลี้ยงดูท่าเดียว และเขายังมีภาระรับผิดชอบอีกหลายอย่าง ประกอบกับ ตนยังมีภาระรับผิดชอบในหลายๆ เรื่องด้วย จึงได้ยอมรับเงินไปทำแท้งเพื่อเอาลูกออกก่อนจะมาไล่สืบสาว เพื่อเอาเรื่อง ส.ต.ต.ชิ ในการเอาผิด

ส่วนจะเอายังไงต่อหลังจากนี้ ขอเดินทางไปออกรายการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวกับทีวีช่องหนึ่งก่อน แล้วจะมีการเดินเรื่องต่อไป ด้าน พล.ต.ต.ชาญวิทย์ กนกนาก ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้น ได้รับข้อมูลทั้งหมดจาก น.ส.โอ แล้ว และจากการตรวจสอบ ไม่พบว่า ส.ต.ต.รายนี้ อยู่ในสังกัด ภ.จว.นครสวรรค์

เพียงแต่อยู่และมีบ้านพักอาศัยอยู่ในเขตเมืองนครสวรรค์เท่านั้น ซึ่งในเรื่องวินัย ก็ต้องให้เจ้าตัวไปดำเนินการร้องเรียนยังต้นสังกัดของ ส.ต.ต. ส่วนคดีอาญาได้มอบหมายให้ทาง ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ รับเรื่องไปดำเนินการต่อ ยืนยันว่า เรื่องนี้ ทางตำรวจมี พ.ร.บ.ของหน่วยงานในการเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญา หากมีความผิดจริง